ผู้ช่วย ผบ.ตร. ห่วงใยประชาชน ขับเคลื่อนโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” มุ่งลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนน สร้างตำรวจจราจรมืออาชีพ มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนและสังคม จึงได้จัดทำโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศจร.ตร.) ขับเคลื่อน เร่งรัดและติดตามประเมินผลโครงการฯ ให้บรรลุผลสำเร็จ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การดำเนินโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละพื้นที่ ตามเป้าหมายของสถิติการเกิดอุบัติเหตุ โดยต้องสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่า 10 คนต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสามารถลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลต่างๆตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายงานจราจร ให้มีความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ มีทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจราจรที่สูงขึ้น เช่น การอำนวยการจราจรบนถนน การควบคุมสัญญาณไฟ การตั้งจุดตรวจ รวมถึงสามารถสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างแท้จริง ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน ภาคีเครือข่ายกับข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติ เกิดความร่วมมือจากประชาชน เสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่สายงานจราจร โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนโครงการฯ โดยสุภาพบุรุษจราจรจะต้องปฏิบัติตามหลัก 5S ได้แก่ SMILE คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส SMART คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยบุคลิกภาพที่ดี
และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย SALUTE คือ การปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพและให้เกียรติ SERVICE MIND คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตใจ
ของการให้บริการที่ดี และ STANDARD คือ ยกระดับในการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยในห้วง ต.ค.65 – ปัจจุบัน หน่วย บช.น., ภ.1 – 9
และ บก.ทล. ได้เร่งรัดดำเนินกิจกรรมโครงการ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย ในพื้นที่ของหน่วย
โดยเฉลี่ย กว่า 1,500 กิจกรรมโครงการต่อหน่วย ซึ่งได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากประชาชนและสังคมเป็นอย่างดีและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ให้มาร่วมกิจกรรมและตรวจประเมินโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย ของตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีผลการลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในพื้นที่เป็นที่น่าพอใจ โดยในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างดำเนินโครงการฯ มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จำนวน 1,636 คน เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง ซึ่งมีจำนวน 1,904 คน สามารถลดลงได้ 268 คน (ลดลง 14.08%) และได้ดำเนินกิจกรรมโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ภายใต้ความเหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์และการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่แต่ละจังหวัด ดังนี้ 1)ภ.จว.สมุทรปราการ โครงการชนท้าย ตายอย่างเดียว 2)ภ.จว.นนทบุรี โครงการลดจุดเสี่ยง เลี่ยงอุบัติเหตุ 3)ภ.จว.ปทุมธานี โครงการโรงงานห่วงใย พนักงานขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100 % 4)ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา โครงการรู้สาเหตุ ลดจุดเสี่ยง เลี่ยงการตาย 5)ภ.จว.อ่างทอง โครงการจ่าเฉย All New 6)ภ.จว.สิงห์บุรี โครงการ สิงห์บุรีปลอดภัย มั่นใจ ทุกเส้นทาง 7)ภ.จว.ชัยนาท โครงการลดแรง ลดเร็ว ลดตาย 8)ภ.จว.ลพบุรี โครงการรณรงค์เยาวชนขับขี่ปลอดภัย 9)ภ.จว.สระบุรี โครงการจราจรไร้รอยต่อ : การบริหารควบคุมสั่งการจราจรโดยใช้ระบบเทคโนโลยี โดยทุกโครงการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุผลเป็นรูปธรรมและเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการอย่างสูงสุด

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว จะประสบผลสำเร็จในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ประชาชนสามารถสัญจรอย่างปลอดภัย ป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจน การเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นมาตรฐานสากล ภายใต้ความร่วมมือของประชาชนและสังคม ดังนั้นสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจทุกนาย จักต้องดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจริงจัง ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้รับประโยชน์สูงสุด