สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดสัมมนาโฆษกหน่วยระดับกองบัญชาการและกองบังคับการทั่วประเทศ เสริมประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างตำรวจกับพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ธ.ค.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนางานด้านการประชาสัมพันธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโฆษกหน่วยระดับกองบัญชาการและกองบังคับการทั่วประเทศ เข้าร่วม
โครงการดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ปฏิบัติหน้าที่โฆษกระดับกองบัญชาการ เข้าร่วมสัมมนา 30 หน่วย และระดับกองบังคับการ 3 หน่วย รวมจำนวน รวม 74 นาย มีวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ตรง ร่วมบรรยายพิเศษในการสัมมนาครั้งนี้ อาทิ คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย นักแสดงและพิธีกรข่าวชื่อดัง , คุณกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ดร.สุภนันท์ ฤทธิ์มนตรี ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะด้านการสื่อสาร มีทักษะการเป็นโฆษก ตลอดจนได้รับทราบแนวทางและมาตรฐานในการปฏิบัติงาน การสร้างเครือข่าย เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสัมฤทธิ์ผล
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการสื่อสารงานรัฐ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนและเป็นความจริงให้กับประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีภารกิจที่เกี่ยวข้องประชาชนหลายมิติ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตลอดจนภาพลักษณ์ขององค์กร จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสามารถสื่อสารได้หลากหลายในทุกช่องทางและทันต่อสถานการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดทำโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะให้โฆษกของหน่วยต่างๆ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารหน่วยของตน เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ