วันนี้ (1 เมษายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ และด้วยวันที่ 1 เม.ย.นี้ ตรงกับวัน April Fool’s Day หรือ วันแห่งการโกหก ซึ่งมักจะมีการสร้างเรื่องโกหกเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อหยอกล้อซึ่งกันและกันในหมู่เพื่อนฝูง โดยหลาย ๆ คน มักจะใช้เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์และคลายความเครียด แต่บางครั้งการล้อเล่นหรือการโกหก ก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรืออาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคมได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการโพสต์เรื่องโกหกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจมีการเผยแพร่ ส่งต่อ หรือแชร์ ทำให้เรื่องโกหกกระจายไปในวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังในการสร้างเรื่องโกหกเพื่อความสนุกสนานหรือหยอกล้อบุคคลอื่น เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรือเกิดความตื่นตระหนกในสังคม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย อาทิ

  1. การเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  2. การนำเข้าหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2),(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะแชร์ข่าวหรือข้อมูลใด ๆ ให้กับบุคคลอื่น ขอให้ตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย URL : www.antifakenewscenter.com

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย หรือพบเห็นบุคคลใดสร้างข่าวปลอมจนทำให้เกิดความสับสนในสังคม สามารถแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน หรือแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง