“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุม ศปอส.ตร.สั่งเข้มรุกฆาตปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เด็ดขาด ขีดเส้น 1 เดือนตรวจสอบการทำงานของทุกกองบัญชาการ
วันนี้ (4 เม.ย.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการทำงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. เข้าร่วมประชุม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า หน้าที่การทำงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นหน้าที่หลักของทุกหน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นอาชญากรรมที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ สูญเสียทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก ซึ่ง ศปอส.ตร.เป็นเครื่องมือสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการขับเคลื่อนนโยบาย กำหนดเป้าหมาย และประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียงที่จะสนับสนุนข้อมูลอุปกรณ์ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร.ในระดับกองบัญชาการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ในด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันเหตุ โดยสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนทางช่องทางต่างๆ โดยใช้กรณีที่เกิดขึ้นจริงและแก้ไขได้จนประสบผลสำเร็จ รวมถึงการประสานความร่วมมือจากอินฟลูเอ็นเซอร์ เพื่อช่วยขยายปริมาณการรับรู้ การให้ความรู้แก่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และให้ ศปอส.ตร. และ ศปอส.น./ภ. มุ่งเน้นการปราบปรามเป้าหมายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะการอายัดบัญชีม้า ที่ต้องทำทันทีด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนผู้เสียหายมีโอกาสได้เงินคืนเร็วที่สุด นอกจากนี้ เน้นย้ำการปราบปรามการพนันออนไลน์ โดยให้เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลเบาะแสผู้กระทำผิดไว้เฉพาะ และจะต้องมีรูปแบบขั้นตอนการทำงานในการรับแจ้งเบาะแส การสืบค้น และการประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปิดเว็บไซต์ และต้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในการทำงานโดยตลอด
นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกกองบัญชาการต้องเดินหน้าป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่นเดียวกับ บช.สอท. ทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ การขายสินค้าผิดกฎหมายทางออนไลน์ ฯลฯ ให้สร้างผลงานเชิงรุก “รุกฆาต”กับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เด็ดขาด พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบการทำงานอย่างจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเวลา 1 เดือนนั้น จะไม่ตรวจสอบเพียงแค่ บช.สอท.ซึ่งได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่จะมีการตรวจสอบชี้วัดผลการปฏิบัติงานในทุกกองบัญชาการในระยะเวลา 1 เดือนเช่นเดียวกันด้วย
รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานปรับทัศนคติการทำงาน เดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ห้ามไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้องค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าต่อไป คืนความเชื่อมั่นศรัทธาและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง