วันนี้ (15 เม.ย.67) เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการจราจรและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ปฎิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยได้กำชับในที่ประชุมให้ทุกกองบัญชาการประสานเร่งรัดผลการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต โดยให้ได้รับผลการตรวจภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถพิสูจน์ทราบในการประกอบพยานหลักฐานทางกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนกรณีที่ผู้ขับขี่เป็นเด็ก เยาวชน ที่มึนเมาสุรา ได้กำชับให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงพร้อมทั้งให้วางแนวทางการปฏิบัติลดวงจรการเกิดอุบัติเหตุ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ โดยให้กวดขันตรวจสอบผู้ขับขี่ที่เป็นเยาวชน หากพบ ให้มีการบูรณาการกับผู้นำชุมชน ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ติดต่อประสานให้ผู้ปกครองมารับตัวเยาวชนและยานพาหนะกลับ

พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า ในวันนี้มีประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ามากรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง อาจทำให้การจราจรมีความหนาแน่น ซึ่งได้กำชับการอำนวยความสะดวกการจราจร หากมีอุบัติเหตุ ให้ใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปแก้ไขและจัดการจราจรทันที พร้อมให้ทุกหน่วยปรับแผนจัดการจราจรตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ทั้งในทางหลวงสายหลักและสายรอง โดยเฉพาะถนนสายรองที่ใช้เป็นทางเลี่ยงการจราจรในช่วงเทศกาล

นอกจากนี้ ผู้ช่วย ผย.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ โดยพิจารณาจัดกำลังสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้เหมาะสม เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด กรณีมีข้าราชการตำรวจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ให้ต้นสังกัดและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยให้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน

สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะสม 2 วัน คือวันที่ 11-14 เมษายน 2567 เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 1,259 ครั้ง ลดลงร้อยละ 12.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา , ผู้เสียชีวิตสะสม 162 ราย ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา , ผู้บาดเจ็บสะสม 1,279 คน ลดลงร้อยละ 10.68 ส่วนการจับกุมในคดีเมาแล้วขับสะสม 3 วัน รวม 15,859 ราย สถิติสูงสุดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 4,305 คน รองลงมาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 3,483 ราย