สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ “แนวทางการบูรณาการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ”
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ
“แนวทางการบูรณาการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ”
………………….
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 61 ที่เห็นชอบในหลักการกำหนดเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติเลขหมายเดียว (Nation Single Emergency Number) ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการ โดยให้บูรณาการความร่วมมือกันระหว่างองค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ในการใช้หมายเลข 191 เป็นหมายเลขฉุกเฉินแห่งชาติเพียงเลขหมายเดียว ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงกำหนดให้จัดการสัมมนาเชิงวิชาการ ในหัวข้อ “แนวทางการ
บูรณาการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ในวันที่ 17 มิ.ย. 65 ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. ณ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด การสัมมนาฯ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บังคับระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีฯ
โครงการสัมมนาเชิงวิชาการฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านต่างๆ ให้แก่บุคลากรขององค์กรส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจถึงแนวทาง
การบูรณาการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ในมิติเชิงพื้นที่ขององค์กรส่วนภูมิภาคและ
องค์ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นสร้างการความตระหนักถึงความสำคัญในการจัดตั้งศูนย์ฯ และแสวงหาความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการดูแลความปลอดภัย พร้อมให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุได้อย่างท่วงที ซึ่งเริ่มตั้งแต่การรับแจ้งเหตุ สั่งการ เผชิญเหตุ ควบคุม ติดตาม บันทึก ตรวจสอบ และประมวลผล ซึ่งจัดการสัมมนาในรูปแบบการบรรยาย อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยวิทยากร ทั้งนี้ ผู้ที่เข้ารับการสัมมนาฯ ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง ๗๗ จังหวัด และประชาชนที่สนใจ จำนวนทั้งสิ้น 500 คน