พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีมเจ้าหน้าที่เร่งรัดติดตามคนร้ายชาวเมียนมาร์
จับบิดาผู้ช่วย ส.ส. ระนองเรียกค่าไถ่ก่อนฆ่าทิ้งอำพรางคดี

จากกรณีเมื่อวันที่ ๑๐ ก.ค.๖๕ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากจั่น ภ.จว.ระนอง ได้รับแจ้งเหตุพบร่างของนายทนุ ใจดี อายุ ๗๘ ปี อยู่ในบ่อข้างบ้านพักในสวนยาง ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งเป็นบิดาของนายธวัช ใจดี ผู้ช่วย ส.ส.จังหวัดระนอง ซึ่งก่อนหน้าจะพบศพดังกล่าว ญาติของผู้เสียชีวิตได้รับข้อความจากหมายเลขโทรศัพท์ของชาวเมียนมาร์ว่าได้จับตัวนายทนุฯ ไว้ แล้วเรียกเงินค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน ๘ ล้านบาท ก่อนจะมีการเจรจาจนเหลือยอดเงิน ๑ ล้านบาท และขอความช่วยเหลือในการค้นหาไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ก่อนพบเสียชีวิตดังกล่าว ตามที่ปรากฏในข่าวและสื่อโซเชียลมีเดีย นั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งรัดการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วน เนื่องจากถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ ภ.๘ และ ภ.จว.ระนอง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้

ต่อมาวันนี้ (๑๒ ก.ค.๖๕) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มีการประชุมเร่งรัดติดตามความคืบหน้าการสืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว ณ ห้องประชุม สภ.ปากจั่น ภ.จว.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก ภ.๘ ภ.จว.ระนอง และ สภ.ปากจั่น โดยความคืบหน้าล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชาวเมียนมาร์ผู้ที่ถือหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการเรียกค่าไถ่มาเพื่อซักถามปากคำเบื้องต้น ซึ่งยังคงให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้คุมตัวชาวเมียนมาร์จำนวน ๑๕ คน ซึ่งเป็นลูกจ้างภายในสวนของนายทนุฯ ผู้เสียชีวิต นำมาเก็บลายนิ้วมือและหลักฐานต่างๆ รวมทั้งสอบปากคำโดยละเอียด โดยพบว่า ในกลุ่มชาวเมียนมาร์ดังกล่าวยังมีบางรายให้การวกวน และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวกลับมาให้ได้โดยเร็ว ในส่วนของการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะ และระบุเวลาการเสียชีวิตของผู้ตายไว้ก่อนที่จะมีการเรียกค่าไถ่ ดังนั้นจึงคาดว่า การเรียกค่าไถ่นั้นอาจเป็นแค่การอำพรางคดี และคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมีจำนวนมากกว่าหนึ่งคน ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ และเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน วันนี้จึงได้มีการประชุมเร่งรัดการสืบสวนติดตามคดีดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวชาวเมียนมาร์ที่หลบหนีอยู่อีกสองคน คาดว่าจะนำตัวมาได้ภายใน ๒-๓ วันนี้ ได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐานเนื่องจากกลุ่มคนร้ายได้มีการวางแผนในการอำพรางคดีให้ดูเหมือนเป็นการเรียกค่าไถ่ ซึ่งจากผลการชันสูตรพลิกศพสามารถบอกได้ว่า ผู้เสียชีวิตถูกฆาตกรรมตั้งแต่ก่อนที่จะมีการส่งข้อความเรียกค่าไถ่แล้ว ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ให้ได้ โดยได้สั่งการให้มีการส่งทีมออกติดตามค้นหาผู้ต้องสงสัยตามจุดที่อาจเป็นแหล่งกบดานในพื้นที่เป้าหมายแล้ว